งามไส้ เจ้าของร้านหมูกระทะจี้ธนาคารรับผิดชอบ หลังพนักงานสินเชื่อยักยอกเงินเกือบ 7 แสนไปกินเที่ยวเปย์เด็ก ไม่เอาเข้าระบบ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตร.เร่งตรวจสอบบัญชีวัดไร่ขิงกว่า 20 บัญชี หาความเชื่อมโยงการยักยอกเงิน

เราเรียนรู้อะไรจากค่าธรรมเนียม 5 บาทของ SCB?

SCB ยืนยันไม่ขึ้นค่าธรรมเนียมลูกค้าปัจจุบันของ Business Anywhere
วันที่ 19 พ.ค.68 น.ส.พัชรา หูประโคน อายุ 32 ปี เจ้าของร้านหมูกระทะแห่งหนึ่งในจังหวัดบุรีรัมย์ ได้หอบเอกสารหลักฐานสลิปการรับและโอนเงิน เข้าร้องเรียนขอความช่วยเหลือกับ นายวีรยุทธ ศิริเรืองประภา ทนายความที่อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ กรณีที่ถูกพนักงานฝ่ายสินเชื่อธนาคารแห่งหนึ่ง ในตัวเมืองบุรีรัมย์ โดย น.ส.พัชรา ผู้เสียหาย ให้ข้อมูลว่าพนักงานฝ่ายสินเชื่อคนดังกล่าว รู้จักกับเพื่อนในกลุ่มแล้วจู่ๆ ก็มาทำทีตีสนิทกับผู้เสียหายจนตายใจ ก่อนจะหลอกล่อให้ช่วยทำเรื่องกู้เงิน โดยอ้างว่าแค่ทำยอดเพื่อให้ได้ค่าคอมจากการปล่อยสินเชื่อเท่านั้น ผู้เสียหายก็ยอมทำเรื่องกู้เงินให้ ตามที่พนักงานสินเชื่อคนดังกล่าวขอ ทั้งที่ตอนนั้นไม่ได้มีความจำเป็นต้องใช้เงิน แต่ก็คิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไรเพราะคนที่ขอให้กู้ ก็ทำงานที่ธนาคารและดูแลเรื่องเกี่ยวกับการปล่อยสินเชื่อเอง

ต่อมาก็ผ่านการอนุมัติจากธนาคาร และเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2566 ธนาคารก็โอนเงินเข้าบัญชีให้กับ น.ส.พัชรา ผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ยื่นกู้ จำนวน 699,645 บาท จากยอดที่ทำเรื่องกู้ไป 700,000 บาท ส่วนต่างที่เหลือธนาคารหักประกันเงินกู้ แต่หลังจากได้รับเงินจากธนาคารโอนมาวันที่ 19 ก.ย.66 นางพัชรา ก็ได้โอนกลับไปให้พนักงานสินเชื่อยอดแรกในวันที่ 21 ก.ย.66 จำนวน 400,000 บาท และที่เหลือก็ทยอยโอนไปครั้งละ 5,000 – 60,000 บาท จนครบตามยอดที่กู้มาภายในระยะเวลา 6 เดือน โดยยอดเงินทั้งหมดโอนเข้าบัญชีพนักงานฝ่ายสินเชื่อ เพราะเขาบอกว่าจะเป็นคนเอาเข้าระบบชำระคืนธนาคารเอง

กระทั่งช่วงเดือน ส.ค.67 มีเจ้าหน้าที่จากฝ่ายเร่งรัดหนี้ของธนาคารโทรมาแจ้งว่า ได้ค้างชำระเงินกู้ ก็ตกใจ เพราะเข้าใจมาตลอดว่าเงินที่โอนให้พนักงานสินเชื่อไป จะนำเข้าระบบชำระหนี้ของธนาคาร จึงได้รีบโทรติดต่อพนักงานสินเชื่อคนดังกล่าวทันที แต่พนักงานก็ยังอ้างอีกว่าเอาเงินเข้าโอนลอยไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้นำเข้าระบบ เดี๋ยวจะจัดการเอง ผู้เสียหายก็เริ่มไม่สบายใจ จึงได้ตรวจสอบกับธนาคารก็พบว่ามีการชำระเงินที่กู้ไปแค่แสนกว่าบาทเท่านั้น ที่เหลือยังค้างชำระอยู่ จากนั้นเดือน ก.ย.2567 จึงตัดสินนำหลักฐานเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ ครั้งแรกพนักงานสินเชื่อก็มายอมรับกับตำรวจและรับปากจะหาเงินมาทยอยจ่ายคืน แต่พอถึงกำหนดก็ไม่จ่าย และล่าสุดไม่สามารถติดต่อได้
ตอนนี้เดือดร้อนมากเพราะนอกจากจะถูกหลอกให้กู้เงินแล้ว ยังถูกทางธนาคารเร่งรัดทวงหนี้ทั้งที่จ่ายให้กับพนักงานสินเชื่อไปครบหมดแล้ว แต่พนักงานกลับยักยอกไปใช้ส่วนตัว เท่าที่รู้น่าจะเอาไปกินเที่ยวและเปย์เด็ก เพราะพนักงานคนดังกล่าวเป็น LGBTG หลังจากรู้ว่าถูกยักยอกเงินก็พยายามเดินทุกอย่าง ทั้งแจ้งความดำเนินคดีกับพนักงาน ทำเรื่องถึงธนาคารสาขาที่เกิดเรื่อง แต่ทางธนาคารก็แจ้งแค่ว่าได้ไล่พนักงานคนดังกล่าวออกแล้ว แต่ไม่ได้แสดงความรับผิดชอบใดๆ หนำซ้ำกลับเร่งรัดทวงหนี้อีก ทั้งที่ควรจะไปติดตามทวงกับพนักงานที่เป็นคนยักยอกเอาไป มองว่าไม่มีความเป็นธรรมจึงได้มาร้องทนายความช่วยเหลือ และฝากถึงแบงค์ชาติให้ตรวจสอบกรณีดังกล่าวด้วย ไม่ใช่ผลักความรับผิดชอบให้ลูกค้า

ด้านนายวีรยุทธ ศิริเรืองประภา ทนายความที่รับเรื่องร้อง ระบุว่าสืบเนื่องจากผู้เสียหายได้ไปรู้จักกับพนักงานสินเชื่อธนาคารแห่งหนึ่ง จากนั้นก็พยายามหว่านล้อมให้ผู้เสียหายช่วยกู้เงิน เพื่อที่เขาจะได้ค่าคอมมิชชั่นจากการปล่อยสินเชื่อ จากนั้นก็หลอกให้ผู้เสียหายชำระเงินผ่านพนักงานสินเชื่อ แล้วเขาจะนำเงินไปเข้าระบบธนาคารเอง แต่พนักงานกลับไม่ได้นำเงินไปชำระหนี้ธนาคาร กระทั่งมาทราบภายหลังว่าพนักงานคนนี้ได้นำเงินไปใช้จ่ายส่วนตัว จนทำให้ผู้เสียหายถูกธนาคารติดตามทวงหนี้ทั้งที่จ่ายไปหมดแล้ว และธนาคารก็ไม่ได้ดำเนินการกับพนักงานที่กระทำความผิดเลยแค่แจ้งว่าไล่ออกไปแล้ว และมาเร่งรัดทวงหนี้กับผู้เสียหาย จึงได้มาร้องขอความเป็นธรรมให้ธนาคารแสดงความรับผิดชอบด้วยการไปติดตามหนี้จากพนักงานคนที่ยักยอกเงินไป ไม่ใช่แค่บอกว่าไล่แล้วก็มาตามหนี้จากผู้เสียหายอีก ก็จะเป็นการซ้ำเติมผู้เสียหายต้องหาเงินไปจ่ายเพิ่มอีก ก็มองว่าไม่มีความเป็นธรรมเพราะไม่ใช่ผู้กระทำผิด
เบื้องต้นก็ได้ทำเรื่องไปยังธนาคารชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ทั้งให้ระงับการดำเนินคดีกับผู้เสียหาย และธนาคารควรจะไปติดตามเงินจากพนักงานก่อน เพราะตอนกระทำความผิดยังมีสถานะเป็นพนักงานของธนาคารฯ ดังนั้นธนาคารก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหายซึ่งเป็นลูกค้า ส่วนเรื่องคดีที่ผู้เสียหายไปแจ้งความร้องทุกข์ไว้ ล่าสุดทราบว่ามีการออกหมายจับพนักงานฝ่ายสินเชื่อแล้ว